pear personal sphere

to close too see.

Sunday, September 30, 2007

 
dreamspace 1. 8

ความรู้สึกเป็นรูเหว้าแหว่งเมื่อฉันลืมตาขึ้น
กระนั้น ตอนอาบน้ำยามเช้า มันก็flickering เข้ามา

ประวัติ ออกแบบ ฉัน
บ้านประวัติ
บรรยากาศแบบเรื่อง blue+ บ้านนอกอเมริกา
พ่อโหดร้าย แม่เก็บงำ
กะประวัติ, ออกเปิดโลกทัศน์ใกล้บ้าน
อารมณ์ชินจูกุ(ทั้งที่ยังไม่เคยไป)
เข้าไปถามชายญี่ปุ่น สูง หล่อเฟี้ยวคนนึง
สักพักเราแยกจากประวัติกลับบ้าน

นอนจมกองหนังสือเล่นๆ
ตาญี่ปุ่นโผล่มาจากไหนไมรู้
จะมาเขียนข้อความที่ระลึกให้
เราคุ้ยหนังสือมาเล่ม ที่หน้าสุดท้ายมีร่องรอยการระลึกก่อนหน้าบ้างแล้ว
เขาเขียนพักใหญ่
มีประโยคหนึ่งถูกเขียนต่างหากออกมา
'he is animal' [pencily]
.... ........

it surprise+shock me that it remind/highlight my unconscious knowing
softly vaguely touch of friendship

it thefirst remembered time that my dream collects three of us
so subtly intensedๆๆๆๆ phychological unconveniency i feel

MAD repressed soul-distant

the dream reveal so naked, uncompromising, genuine that







i'm afraid of myself somehow

Friday, September 28, 2007

 
สด ร้อน หมาด 18
ประมาณห้านาทีที่แล้วเพิ่งสอบเสร็จวิชา selected topic english literature
สุดแสนถูกใจที่สอบวิชานี้เป็นวิชาสุดท้าย (แม้จะมีอีกสองเปเป้อ --*)
ตอบอะไรแบบที่ไม่เคยทำมาก่อนในการตอบข้อสอบไหนลงไปด้วย
เป็นต้นว่า มีคำถามเรื่องบทบาทของอาหารในนวนิยายที่เรียนไป
เราก็พูดโยงไปถึงความรู้สึกผูกพันเป็นครอบครัว แล้วก็พูดว่าคิดถึงข้าวฝีมือแม่ตัวเองซะงั้น!
พรรณาใหญ่เลยว่า เนี่ยนะ เวลาคิดถึงข้าวบ้านมันดึงมาทั้งบรรยากาศ
การอยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน แล้วก็มีการแย่งกินกัน
(ตรงนี้เขียนเป็นไทยไปเลยซึ่งไม่กล้าทำในวิชาภาษาอังกฤษตัวอื่นมาก่อน)
(ก็นึกคำว่าแย่งไม่ออก แป่ว..โง่อีกแระมึง)
มันเติมเต็มความสุขได้มากขึ้น

ที่สำคัญที่สุด
ท้ายคำตอบสุดท้าย เราเขียนnoteถึงอาจารย์ว่า
[อาจารย์คะ อาจารย์ได้ดู Little Miss Sunshine หรือยังคะ
อาจารย์ชอบมั้ย คิดยังไงบ้าง
mailบอกหนูได้ไหมคะ >>pearpee....

โอ้ว~~~~เขินนะเนี่ย
(เพราะอาจารย์นั่งอยู่หน้าห้องนั่นแหละ)
แล้วจะเขินทำไมไม่เข้าใจ
นี่เราขี้เขินไปป่ะเนี่ย

มันคงเป็น อาการเวลาที่เราปลื้มใครซักคน แบบ เป็นidolในดวงใจ(เวอร์ได้อีก)มั้ง
อาจารย์เป็น dead poet society ในความรู้สึกเราเลยนะเนี่ย

Monday, September 24, 2007

 
บ่น 0
ทำไมเราถึง verbal attack in undermine way ได้ขนาดนี้นะ
ทำไมต้องรู้สึกทั้งสองขั้วตรงข้ามพร้อมๆกันด้วย
แล้วมันก็paradoxในตัวเอง แล้วมันรำคาญตัวเองนะในแง่นึง เสียสุขภาพจิตหมด
เฮ้อ~~~~
T_T
(ไม่มีน้ำตาก็ร้องเป็นตัวพิมพ์ก็ได้)

สารภาพ 8
พี่รู้ว่าพี่นิสัยไม่ดีหลายๆอย่าง
ขี้งกงี้ เห็นแหละว่าน้องไม่กล้ามายืมnotebookพี่
จู่ๆก็ดูเครียด เมินๆ friendlyแบบติดลบเสียเฉยๆงี้
พี่ก็คิดว่าน้องคงคิดเขม่นๆพี่เรื่องพวกนี้อยู่ในใจ
แต่..พี่คิดแล้วเหมือนกันว่าพี่ไม่อยากเปลี่ยนให้มันดีกว่านี้
ที่จะพูดต่อไปนี้อาจฟังไม่เข้าใจนะ
คือเราเริ่มต้น มีนิสัยไม่ดีๆๆๆๆๆๆๆ ไม่รู้ตัวว่ามันไม่ดีๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วก็ชอบมอง/วิจารณ์คนอื่นว่ามันไม่ดี เห็นคนอื่นชั๊ดชัด แต่ตาบอดกับการมองตัวเอง

then โตขึ้น ตระหนัก + เปลี่ยนแปลงนิสัยไม่ดีพวกนั้นมีจุดยืนว่านี่ดี นี่ไม่ดี
และconformตัวเองให้ทำแต่สิ่งที่ดี แม้ว่าหลายอย่างมันทำให้เรารู้สึกไม่ดีเองข้างใน รู้สึกทุกข์ในอกแต่มัน..ตามcommon sense of society อ่ะถ้าไม่ให้ก็ถูกมองว่างก ถ้าให้ก็ต้องมานั่งกังวลกระวนกระวายเองอีกว่าของจะบุบบสลาย ถูกขีดข่วนเป็นรอยป่าว แต่----ภาพลักษณ์ที่ดีในสายตาส่วนรวมมีน้ำหนักกว่าภาพลักษณ์ที่ซื่อสัตย์กับตัวเองไง ถ้าเลือกตามใจตัวเองก็ต้องรับผลพลอยได้ที่เราไม่อยากได้นั่นมาด้วย โอเค ตัดสินใจยอมทุกข์ชั่วคราว แล้วก็จบที่การปลอบตัวเองด้วยคำเดิมๆ จำพวก 'ช่างมันเหอะ' 'ไม่เป็นไรหรอก' 'นิดหน่อยเองน่า'

then พี่หมายถึงตอนนี้ คือความคิดพี่ก็เปลี่ยนไป พี่รู้สึก ช่างแม่งคุณความดีพวกนั้นบ้างก็ได้
ดูนิสัยไม่ดีบ้างก็ได้ กับบางเรื่องซึ่งอันนึ้ก็ดูอีกที ไม่ใช่ว่าปล่อยเลวสุดตีนไปเรย คือbase on สามัญสำนึกด้วยอ่ะ ส่วนใหญ่พี่จะไม่ปล่อยช่างแม่งกับเรื่องใหญ่ๆสำคัญๆนะ แต่ถ้ามันนิดๆหน่อยๆและมันไม่ได้ทำใครเดือดร้อน อย่างพี่ดูขมึงทึงมันก็ตัวพี่คนเดียวอ่ะ หน้าขมึงทึงของพี่มันไม่ได้ไปกัดหน้าน้องหนิ ใช่ป่ะ คือถ้าประมาณนี้พี่ก็..too tired to prepare my faceอ่ะ ขอแสดงสีหน้าที่จริงใจกับความรู้สึกข้างในหน่อยเหอะนะ ชีวิต 24 ชั่วโมงของพี่มันโลดโผนข้างนอกมาทั้งวันแล้ว นี่อยู่ในห้องที่เป็นที่สุดท้ายของวัน..ที่นอน..พื้นที่ส่วนตัวที่สุดของวันแล้วอ่ะ พี่ขอปลดพันธนาการทางสีหน้าพวกนั้นออกหน่อยเหอะนะ แล้วพี่ก็..ปล่อยวางกับการมาแคร์ว่าคนอื่นจะคิดยังไง เค้าจะมองเราไม่ดีมั้ยแล้วด้วย เหมือนมันมาถึงจุดๆหนึ่ง(เป็นจุดที่เบลอมั่กๆเลยนะ จุดชิ้นกว้างมากด้วย)แล้วพี่ก็ ผึง! ไม่เอาและแบบนี้ อืม~~~~มันเหมือนข้างในพี่แข็งแรงพอแล้วอ่ะตอนนี้ มันไม่ถูกทำร้ายโดยการjudgeของคนอื่นได้ง่ายๆเหมือนเมื่อก่อนแล้วและพี่ก็คิดว่าพี่จะทุ่มเทนิสัยดีๆในส่วนที่พี่เห็นว่าควรจะนิสัยดี แต่ขอมีพื้นที่เล็กๆที่พี่จะเป็นอะไรไม่ค่อยดี-ไม่ดีเลยตามที่พี่เห็นว่ามันโอเค ส่วนตัว คนอื่นไม่เดือดร้อน เป็นเกณฑ์สำคัญมากเลยนะในความตระหนักของพี่ ถามตัวเองว่าแล้วคนอื่นเดือดร้อนรึป่าวอ้อ ที่จริงพี่พร้อมจะให้ยืมทุกสิ่งอันเสมอถ้าเป็นน้องขอนะคือเรื่องงกเนี่ย พี่งกเป็นคนๆไป พี่ก็เข็ดกับบทเรียนการยืม-คืนเป็นเหมือนกันกับคนที่ให้บทเรียนนี้พี่ พี่งกแบบสัมพัทธ์น่ะ น้องจะจำกัดความว่าพี่งกก็ได้พี่ไม่ว่าไร
แต่ลองคิดกับคำถามนี้ดูว่าส่วนใหญ่ปัจจัยเวลาเราตัดสินใจ 'ไม่ให้' เพราะตัวของ..หรือตัวคน?

เพื่อน 8
เป็นผู้ชายคนหนึ่งที่ไม่เหมือนผู้ชายคนไหน
ทั้งลึก ทั้งตื้น
ทั้งฉลาด ทั้งเอ๋อ
ทั้งเป็นผู้ชาย ทั้งไม่เป็นผู้ชาย
แกเป็นทั้งหมดที่ว่านี่ได้ไงวะ

แกเอาชั้นไปแฉกับใครต่อใครถึงไหนแล้วเนี่ย
แต่ฟังแกเล่าก็ขำ
'พี่(thai short film)เค้าบอกว่า (ทำเสียงขรึมขึ้นนิดหนึ่ง) อย่าพามานะ'
'เค้าหมายความว่าไงวะ' เราถาม
'เค้ากลัวแกอ่ะดิ!'
....???????? กลัวไมเพ่ หึหึหึ(น้ำเสียงตัวอะไรไม่รู้ที่เหมือนคนในเรื่อง lost highway)

แล้วมันก็ชอบพูดทำนองว่าใครเป็นแฟนเราคงกลัวว่าตื่นเช้ามาเห็นแขนตัวเองขาด....ไรทำนองเนี้ย
(หืม--------กูไม่ใช่โรคจิตนะเว้ย!
ลิ้นแกจะขาดก่อนตอนนี้แหละ)

ช่างเพศแม่งมัน เอาเป็นว่าแกเปนคนนึงที่เรารู้สึกเล่นแรงได้
รู้สึกเปนตัวของตัวเองได้(มากเกินไปป่าวด้วยซ้ำ บางทีเราคิด)
เหมือนแกไม่ใส่ใจรายละเอียดความเป็นตัวเรา
(คือไม่ได้เสแสร้งไม่ใส่ใจนะแต่แกทำให้เรารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ)
แต่แกกลับเข้าใจเราบางด้านได้แจ่มชัด 55
อาจเพราะว่ามันเป็นด้านที่คล้ายแกป่าววะแกเลยเก็ท
แกเปน....


เรารู้สึกสบายใจอ่ะ :]

Friday, September 21, 2007

 
ผุด'
[ตอนจากประวัติศาสตร์msnของแพร]

น่าจะเป็น ม.6 เขาเป็นใครก็จำไม่ได้แระ แต่เลาๆ ว่าน่าจะอยู่ในซักจังหวัดทางอีสานบนๆ
รู้จักกันในไซเบอร์ คุยเอ็มกัน .. .. งอมแงมทั้งคู่
สนุกมาก เพราะเราชอบ เล่น หลายอย่าง
และเขาดันเล่นด้วย เล่นได้เข้ากั๊นเข้ากันถูกคอ

จนวันนึง climax ที่หนึ่งก็มาถึงด้วยความที่คุยกันมาถึงจุดๆหนึ่งเราก็อยากรู้จักหน้าเค้า
แต่ แหงล่ะ ไปขอดูโต้งๆ นอกจากจะเสี่ยงอดเห็นด้วยเหตุผลต่างๆนานาที่เขาสามารถยกมาอ้าง
และทำให้เรา แป่ว ไปได้แล้ว ยังเสี่ยงเสียเครดิต/เสียความรู้สึก/
เขาอาจเกิดทัศนคติทางลบบางอย่างกับเราได้ด้วย

ปิ๊งป่อง ~~~~ เราเกิดไอเดียขึ้นมา
เล่น อีกแล้ว
มาเล่นเกมส์หารูปกัน
มีโจทย์ 10 ข้อ เธอต้องหารูปตามโจทย์ที่เราให้ไปให้เร็วที่สุด
ข้อแรกๆ ก็หาคนหาของอะไรเพลนๆ
จำไม่ได้แระว่าช่วงกลางๆ ให้หารูปอะไร แต่เหมือนเป็นอะไรที่ประหลาดๆ ยากๆ กวนๆ เนี่ยแหละ
เขาก็เล่นนะ หาเร็วมากเลยด้วย
และข้อสุดท้าย....




หลังจากนั้นมาก็ยังคุยกันอยู่แต่
ไม่รู้เป็นจิตวิทยาหรือเกิดอะไรขึ้นในหลุมความรู้สึกช่วงนั้น
มันเฟดไปเสียเฉยๆ
จำอะไรไม่ได้แล้วหลังจากคืนนั้น
หรือ มันไม่ใช่อะไรที่ดีที่น่าจำก็ไม่รู้
จำไม่ได้จริงๆ


นึกแล้วก็เสียใจลึกๆ
คือมันก็ไม่ชัดเจนขนาดนั้นหรอกว่าเป็นเพราะเรื่องนี้รึป่าว
แต่มันอดคิดถึงไม่ได้ว่าเรื่องนี้คงมีส่วน





แล้วอีกคนรู้จักหนึ่งก็ผ่านไป....

Monday, September 17, 2007

 
วันนี้ หลากรสชาติหลายอารมณ์มากเลย
เวลาฟังเรื่องราวประสบการณ์ความในต่างๆ จากผู้คนรอบข้าง
เอิ่ม มม ม ม ฟังไปฟังมานะ เหมือนเราไปหลอมเรื่องเค้ากลายเป็นเรื่องของเราเองอีกที
กลายเปนการตกค้าง อ้อยอิ่งอยู่ข้างใน

........ ........ ........ ........


เริ่มด้วยเรื่องของน้องสาวนักเล่าเรื่อง
เอ็นดูชิบฉายน้องคนนี้
โดนความรู้สึกเราหลายจัง หลายใช่
เคยได้ยินกบพูดว่า 'เป็นคน ที่ฟ้า สร้างมา ตรงใจ'
ประโยคนี้พูดแทนความรู้สึกนี้ได้มากเลย
เรื่องนิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น blah blah bla~~~~เรื่อยไปจนครอบครัว คนจีบ
ไม่มีครั้งไหนที่น้องเค้าเล่าอะไรแล้วไม่มีfeelของความสุข..บริสุทธิ์เจืออยู่ด้วย
(อันแรกfeelในตัวน้องที่เราคิด อันหลังfeelที่เราfeelจากตัวน้องเค้า)

เรื่องนี้ถูกวรรคด้วยโทรศัพท์ 2 เรื่อง

จากเพื่อนเก๋เอกสเปนชื่อมุสลิม ชวนเที่ยวกาญจนบุรีในฤดูกาลสอบ
(ซึ่งมึงสอบเสร็จแล้วนี่หว่า กูแม่งมีขึ้นสังเวียนอีกหลายรอบนะเฟร้ย
..แต่ก็ไป!?)

จากชายไม่ทราบชื่อและตัวตน จะคุยกับ อิ๋ว พิชญา แต่โทรมาหาแพร
ขอคุยกะแพรเพื่อจะคุยกะพิชญาอีกทอด
ถามกันเปนจิงเปนจังจนถึงจุดหนึ่งหมอนี่ก็ อ๋อ อ๋า เอ๋อ เอ่อ อ้อ....โทษทีครับ กริก~~

เออเว้ย !



ต่อด้วยเรื่องของน้องสาวข้างห้องที่เพียงถามเรื่องอีเลมแต่ลามไปเรื่องเวิ๊กอีกจนได้
แล้วเราก็จ้อจี้ไปอีกพักหย่าย


--พัก อาบน้ำ--

ทาครีมหลังอาบน้ำอยู่ เพื่อนสาวถาปัดก็เข้ามาคืนของของเตียงข้างๆ
และด้วยแรงดึงดูดอะไรไม่ทราบ เราสองคนก็เริ่มบทสนทนากัน
จากการได้ดู 3-iron, two days in paris อีท่าไหนไม่รู้ พวกเราเลื้อยกันไป hardcore เฉยเลย
กลายเป็น ระบายความในความทุกข์กลุ้มใจละเหี่ยใจที่เราเองก็ตั้งตัวฟังและบิ๊วอารมณ์ร่วมแทบไม่ทัน
ยิ่งคุยทุกข์นี้ก็ intense ขึ้นเรื่อยๆ และเราก็ involve ไปเรื่อยๆ
เรารู้สึกแย่มากมากที่ไม่สามารถพูดอะไรให้เพื่อนรู้สึกดีขึ้นได้มากกว่านี้
(บางช่วงคาบเกี่ยวกับน้ำตาอยู่รอมร่อ)
มันเป็นความรู้สึกติดต่อที่แม้จบการสนทนาแยกย้ายกลับห้องกันแล้ว
แต่เหมือนเพื่อนพาความสดชื่นหลังอาบน้ำจากไปด้วย

เราตกอยู่ในสีหน้าหมองหงอย รู้สึกเหี่ยว รู้สึกlily chou chou โคตร


ออกมาเล่นเนต
จากที่เศร้าๆอยู่แล้ว ได้เหงาทะลุเป้าเลยหลังจากอ่านกลอนพี่เก่าถาปัดคนนึง
ทุก elementที่เราใช้เวลาคืนนี้ไปเป็นส่วนผสมลงตัว
ยกให้เป็นความเหงาในโลกของแบบเลย


..เหงาหมู่ที่โดดเดี่ยวเหลือทน

ฉัน
ที่มุม
featuring Juxtaposed with you
--ฟังมาเปนชาติ เพิ่งรู้ชื่อเพลงนี้

Archives

November 2005   December 2005   January 2006   February 2006   May 2006   June 2006   July 2006   August 2006   October 2006   November 2006   December 2006   January 2007   April 2007   May 2007   June 2007   July 2007   August 2007   September 2007   October 2007   November 2007   December 2007   January 2008   February 2008   January 2009   March 2009   April 2009   July 2009   August 2009  

This page is powered by Blogger. Isn't yours?