5.
เล็กๆน้อยๆถึงเพื่อนห่ามๆ(แต่มันก็เหลวไหลน้อยลงแหละเราว่า)
'
อ๋อ นี่มึงเพิ่งจะมาถามตอนนี้เหรอ
นี่แสดงว่าหายหัวไปจนเพิ่งมานึกจะโทรหากูเมื่อไม่กี่วันนี้ใช่มั้ย
โห คุณเพื่อนดั๊ม มาหาว่ากูติดต่อไม่ได้เหรอ แล้วนี่พูดจากับผู้หญิงเค้าพูดกันแบบนี้เหรอ
มาเรียกอ่งเรียกไอ่ กูสุภาพนะโว้ย คุณเพื่อนดั๊มควรไปลงคอร์ส writing แบบ intensiveนะขอแนะนำ
เออ จะว่าไปกะจะบอกแกอยู่พอดี (อารมณ์ดีขึ้นนิดนึง เปลี่ยนสรรพนาม)
ว่ามือถือเราหายไปร่วมเดือนแล้ว แต่จะใช้เบอร์เดิมอยู่ รอซื้อเครื่องใหม่ก่อน
ซื้อเมื่อไหร่เหรอ อืม น่าจะปีหน้าแหละไว้จะแจ้งให้ทราบอีกที
ตอนนี้ถ้ามีอะไร ถ้าหุบปากไม่ไหวก็เมวมาหาแล้วกัน
หรือไม่งั้นก็ไปพูดในโอ่งนู่น!
'
1.
คืออย่างนี้ มีศิลปิน(คงได้)ไม่มากนักที่แสดงงานโดยมีส่วนของภาพยนตร์*รวมอยู่ด้วย เท่าที่ผ่านมามีสองเจ้าด้วยกันที่เราเข้าใช้บริการ เจ้าแรกเมื่อ~~ปีก่อนมั๊ง ของคุณ???จำได้ว่าเค้าแจกไดอารี่ที่เล่าประสบการณ์เดินทางด้วยหน้าปกสีส้ม เค้าแบ่งห้องส่วนซ้ายสุดไว้ให้ผู้เข้าชมดูหนังได้ตามใจชอบโดยมีหนังให้เลือกอยู่ราว20 25แผ่น เราก็ไปดูหลายครั้งอยู่เพราะจัดบรรยากาศได้เป็นส่วนตัวมาก ราวกับนั่งดูที่ห้องตัวเองแถมยังมืดได้บรรยากาศโรงหนังนิดๆ ส่วนเจ้าหลังก็ เมื่อเช้านี้เองในงาน platform ส่วนที่เป็นของคุณปรัชญา ก็เป็นส่วนตัวเช่นกันแต่ไม่มืด แต่ตัวเลือกหนังเยอะกว่า ไม่มีความทรงจำอะไรเป็นพิเศษทั้งสองงานนี้ถ้าไม่ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยกันขึ้นซะก่อน เลยเชื่อมโยงให้สองงานนี้มี'อะไร'ขึ้นมาโดยไม่คาดไว้ล่วงหน้า
เมื่อตอนเจ้าแรก มีวันหนึ่งนั่งดูหนังฝรั่งเศสอยู่คนเดียว(ซึ่งมันก็ยากที่จะมีคนอื่นอยู่ด้วยอยู่แล้ว weekdayแบบนี้)ก็มีเสียงโหวกเหวกพอประมาณลอยมา สักครู่นักศึกษาราวๆสิบคนพร้อมด้วยอาจารย์อีกหนึ่งเดินเข้ามาตรงที่เราดูหนังอยู่ อืม เค้าคงจะสอนเด็กเรื่องศิลปะอะไรอย่างนั้น เราก็ไม่ว่าอะไรเพราะงานมันเปิดอยู่แล้ว เค้าจะเข้ามาขัดระหว่างนี้ก็ไม่ผิด ก็ไม่เป็นไรจริงจริ๊งถ้าหากหนังที่เราดูอยู่มันไม่ใช่เรื่อง irreversible และถ้าหากฉากที่พวกเขาเข้ามาเห็นมันไม่ใช่ฉากในอุโมงค์นั่น โอย~~~~กู พูดอะไรไม่ออกทั้งสิ้น ทั้งอึ้งกับหนังและอึ้งกับคนที่มาเห็นกูกับหนังเรื่องนี้'สองต่อสอง'เซอร์ไพรส์ทั้งเค้าทั้งเราเลยนะเนี่ย ทันใดนั้นเสียงอาจารย์ก็เงียบไป ทุกคนเงียบพร้อมกันดูหนังอย่างใจจดใจจ่อ (เหมือนอาจารย์ได้สติ)แกก็พูดขึ้นต่อเหมือนไม่มีอะไร(แต่เราก็ขำนะเพราะแกพูดว่า)เราต้องแยกแยะระหว่างศิลปะกับความลามกอนาจารย์ ศิลปินเค้าสื่อด้วยภาพโจ๋งครึ่มแต่ที่จริงเค้ามีเจตนาในทางศิลปะนะ....เอ่อ อาจารย์แบบนี้นี่ศิลปะเหรอ เราว่าอาจารย์คงพูดแก้ขัดไปงั้นเอง ยังไม่หมด เราได้เซอร์ไพรส์อีกเพราะอาจารย์เข้าเดินมาถามเราเฉยเลยว่าคิดเห็นยังไงบ้าง (เรื่องที่อาจารย์แกเพิ่งพูดไป) แล้วนักศึกษาทุกคนเหมือนจะพร้อมใจกันมองหน้าเราแบบ....ไหนดูหน้าคนดูหนังเรื่องนี้หน่อยซิ ประมาณนั้น .....เฮ้อ เราไม่มีอะไรจะเสียแล้วจริงๆ ในตอนนั้น สมองเต็มไปด้วยความเซอร์ไพรส์ชนิดไม่ทันตั้งตัว
แต่ นะ ป่านนี้เค้าคงจำหน้าเราไม่ได้แล้วแหละ(มั้ง) อ้อ ตอนนั้นไม่รู้จริงๆว่าหนังจะมีฉากแบบนี้ด้วย (แต่ถึงรู้ก็ยังดูอยู่ดีแหละเหอเหอ)เพียงแต่คิดว่าทำไม๊ทำไมต้องเป็นเรื่องนี้ฉากนี้ด้วยที่ฝูงชนมาเห็น วันอื่นๆมีตั้งเยอะแยะที่เราดูหนังเรียบร้อยๆกว่านี้ตั้งเยอะอย่าง 8 1/2 หรือ balzacฯ หรือ what time is it there หรือ mulholland drive
พอมาเจ้าหลัง ดีหน่อยที่ว่าเรื่องที่ดูไม่ได้อล่างฉ่างแบบนั้นแล้ว แต่ก็...มันขำมากเลย ถ้าใครเคยไปดูจะเห็นว่ามีเตียงมีหมอนเหมือนห้องนอนให้ดูหนังได้ ตอนแรกก็ไม่คิดว่าเค้าจะให้ดูหรอกนะ แต่มันมีรีโมทแล้วก็เล่นหนังได้ด้วยเลยนอนดูไปเพลินๆ คนก็แทบไม่มี อืม~~~เป็นส่วนตัวดีจัง ประมาณค่อนชั่วโมงผ่านไป เสียงโหวกเหวกลองก้องเข้ามา อืม คงมีคนมาดูงานกันแหละ เอ๊ะแต่เยอะดีเนอะทั้งๆที่ไม่ใช่วันหยุด(ฟังจากเสียง)ทันใดนั้น
พรึ่บ นักศึกษายี่สิบกว่าคน+อาจารย์อีกหนึ่งเดินมา(เหตุการณ์มันคุ้นจังเนอะ) เราก็แบบ ไม่หันไปเลยนะนอนกอดหมอนประนึ่งว่าตั้งใจดูหนังต่อไปทั้งๆที่ในหัวหยุดรับเนื้อหาในหนังไปหมดสิ้น มีแต่ความคิดว่า แบบนี้อีกแล้ว กูอีกแล้ว ทำไมเราต้องมาเป็นเหมือนตัวแสดงประกอบงานของศิลปิน(ไปโดยปริยาย)ตลอดเลย อาจารย์ก็อธิบายนู่นนี่ไป เราว่าทุกคนคงมองมาที่เราไปเรียบร้อยเป็นแน่แท้ว่านี่มันเป็นส่วนหนึ่งของงานแสดงด้วยรึเปล่าแหงเลย หรือไม่ก็แบบนะบังเอิญมาเจอผู้ชมงานอีกคนนึงที่นั่งดูหนังอย่างกับบ้านตัวเอง เพราะฉะนั้นเราก็เลยสวมบทบาทซะเลยก็ทำเหมือนไม่สนใจคนเหล่านั้น พออาจารย์พานักศึกษาเดินไปดูอันอื่น เราก็เห็นว่ามีผู้ชายสองคนหัวเราะกันด้วย ซึ่งก็คงเป็นเรื่องเราอีกนั่นแหละ -_-"
เฮ้อ ดวงอะไรมันจะสมพงศ์กับเรื่องแบบนี้นักวะ
สงสัยคราวหน้าถ้ามีงานแสดงไหนมีหนังให้ดูอีก เราคงต้องวางป้ายห้ามบุคคลที่มาเป็นหมู่คณะเข้าชมชั่วคราวไว้ซะแล้ว.