หมู่นี้อัพบ่อยแฮะเรา
- ไปดูเรื่อง hukkleของGyörgy Pálfi หนังฮังกาเรียน ชอบชิบเป๋ง!
ไม่มีคำพูดอย่างเป็นใจความเลยทั้งเรื่อง (เว้นแต่เสียงในละครที่ตัวละครฟัง กับ เสียงร้องเพลงในงาน(คงเป็น)แต่ง ซึ่งไม่นับ) ที่ชอบไม่ใช่เพราะไม่อาศัยการสื่อด้วยคำพูดอย่างเดียวหรอกนะ แต่เป็นหนังที่รวบรวมคอลเลกชั่นสัตว์ต่างๆ ไว้เยอะมาก เปิดเรื่องมาก็งู มด แกะ ม้า เต่าทอง(โคตรสวยตอนไต่ไปตามสายwalkmanสีเหลือง)สมเสร็จ หมู ผึ้ง แมว หมา ปลากะโห้(ปลาไรไม่รู้ แต่เห็นมันใหญ่ดี เลยคิดว่าน่าจะเป็นกะโห้..ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้จักหน้าตาจริงๆของปลากะโห้หรอก 55 แต่แค่ชื่อก็ฟังดูตัวเบ้อเริ่มแล้ว).. ภาพเป็นระยะใกล้มากแทบทั้งเรื่อง และที่สำคัญกว่า(ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่ามีกว่านี้อีกมั้ย)คือเป็นหนังที่รู้สึกว่า...การสะอึกมันน่ารักดีแฮะ แถมเพลงตอนขึ้นเครดิตก็จุดประกายมนต์เสน่ห์เพลงพื้นเมืองของชาวฮังกาเรียนให้กับเราเสียด้วย
ภาพสวย.
คนก็งาม. โดยเฉพาะคุณลุงที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลาโดยการรังสรรค์จากริ้วรอยบนใบหน้า.
มันอาจไม่ใช่หนังที่จะโดนใจใครง่ายๆ หรอกนะ คือ...บางความคิดอาจมองว่ามันน่าเบื่อด้วยซ้ำไป
แต่
ไม่รู้สิ..ลางเนื้อชอบลางยา
ชั้นก็ชอบแบบเนี้ย
สงสัยอยู่ว่าถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้แบบเป็นแผ่น จะรู้สึกได้ใจแบบนี้มั้ย??
- เพลง เพื่อนเท่านั้น ของแอนนา ลอยมา (อย่ามา .. ไม่โป๊เหมือนคลิปนั่นหรอก โห ตอนเป็น teen 8 grade a แอนนายังดูinnocentจะตาย...มั้ง) เราก็คิดขึ้นมาว่าเพลงนี้ให้ทัศนคติเหมือนเป็นเพื่อนมันไม่มีค่าอะไรเลยงั้นแหละ เหมือนเป้าหมายคือต้องเป็นแฟนเท่านั้น ถ้าไม่ได้ จะให้เป็นอย่างอื่นแทนก็ไม่เอา... เฮ้อ ถ้ามอง friendship แบบ personification ก็น่าน้อยใจแทนนะเนี่ย ความเป็นเพื่อนไม่มีค่าพอในสายตาเลยเหรอ
แต่ อาจจะเป็นว่าพอเราเริ่มคบแล้วมีการคาดการณ์/คาดหวังไปในทางกุ๊กกิ๊กนั่นแล้ว เป็นไปได้มั้ยว่า มัน u-turn มาหาความเป็นเพื่อนไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ทราบนะฮะ ถึงเราจะคิดว่าเป็นเพื่อนกันได้แหละ เสียดายออก คนดีๆ รู้ใจกันมาก็หลายอย่าง จะคบแบบแคบๆ อยู่แค่แฟนจ๋าแฟนจ๋ามันก็เสียของอยู่(..ไม่มีเจตนามองเป็นสินค้านะ แค่ความเปรียบ) แต่ เอาเข้าจริงๆ เราอาจจะทนไม่ได้ ร้องไห้ฟูมฟาย ตะกายขอบเตียง เฟี้ยงข้าวของ และอีกสารพัด...ก็ได้นะ
- เป็นวันที่ 'บังเอิญ' มาถามไถ่จนน่าเอะใจ เพิ่งเข้าใจวันนี้ว่า การไปดูนิทรรศการที่ tcdc จะได้ 'เจอคนที่ไม่คิดจริงจริ๊งว่าจะเจอ' เป็นของแถม เจอวิปทียู ซึ่งจริงๆเดี๋ยวก็น่าจะได้เจอกันพรุ่งนี้อยู่แล้วยังไม่เท่าไหร่ แต่อีกคนนี่ประหลาดใจมาก เจอ 'หยก' เฉยเลย ไม่ได้หมายความว่าพอเจอแล้วรู้สึกเฉยไปเลยนะ แต่หมายความว่าอยู่เฉยๆเธอก็เข้ามา :]
เท้าความสั้นๆ หยกเป็นเพื่อนผึ้ง ผึ้งเป็นเพื่อนเราสมัยมอปลาย เป็นเพื่อนที่จัดอยู่ในประเภทสนิทกันแต่น้อยและพอเข้ามหาลัยต่างคนก็ต่างลืมความสนิทนั้นไว้ที่โรงเรียน อาจจะอยู่ตามลิ้นชัก..บนโต๊ะเรียน โรงอาหาร โต๊ะม้าหินอ่อน..ที่ไหนซักแห่ง เพราะฉะนั้นเราเลยไม่มีสนิท(ที่น้อยๆนั้น)เสียแล้วหลายปี อ้อ ที่ที่เรารู้จักหยกจากการแนะนำของผึ้งก็ที่โรงเรียนทางเหนือนี้แหละแต่ไอ้ที่ที่มาเจอหยกกลับเป็นที่สะดือของไทยนี่สิ ถ้าเจอกันกาดสวนแก้วก็เอ้ออ้าอยู่ แต่นี่มาเจอในที่...ดีไซน์สไตล์จ๋าแบบนี้ ก็อึ้งกิมกี่พลันถามไปว่า 'อ้าว หยกมาเรียนกรุงเทพเหรอ''อื้ม เราเรียนถาปัดเกษตร'(หา เป็นคณะท้ายๆที่เราคิดว่าหยกมาเรียนนะนี่)'เ ห ร อ''เราเลือกคณะนี้แต่แรกแล้ว'(อ๋อ เข้าใจที่มาของสาเหตุที่ต้องมาพบกันที่นี่แล้วแหละ)
อินเตอร์เนตก็ว่าทำให้โลกแคบแล้วนะ
แต่ไอ้อะไรไม่รู้ที่เป็นชนวนให้เจอคนนู้นคนนี้แบบนี้นี่สิ เป็นโลกแคบที่น่าทึ่ง!
(ทิ้งไว้ตรงท้าย - ว่างเปล่าไปกับพิราบsเบญ)