pear personal sphere

to close too see.

Saturday, November 11, 2006

 
หมู่นี้อัพบ่อยแฮะเรา
- ไปดูเรื่อง hukkleของGyörgy Pálfi หนังฮังกาเรียน ชอบชิบเป๋ง!
ไม่มีคำพูดอย่างเป็นใจความเลยทั้งเรื่อง (เว้นแต่เสียงในละครที่ตัวละครฟัง กับ เสียงร้องเพลงในงาน(คงเป็น)แต่ง ซึ่งไม่นับ) ที่ชอบไม่ใช่เพราะไม่อาศัยการสื่อด้วยคำพูดอย่างเดียวหรอกนะ แต่เป็นหนังที่รวบรวมคอลเลกชั่นสัตว์ต่างๆ ไว้เยอะมาก เปิดเรื่องมาก็งู มด แกะ ม้า เต่าทอง(โคตรสวยตอนไต่ไปตามสายwalkmanสีเหลือง)สมเสร็จ หมู ผึ้ง แมว หมา ปลากะโห้(ปลาไรไม่รู้ แต่เห็นมันใหญ่ดี เลยคิดว่าน่าจะเป็นกะโห้..ทั้งๆ ที่ก็ไม่รู้จักหน้าตาจริงๆของปลากะโห้หรอก 55 แต่แค่ชื่อก็ฟังดูตัวเบ้อเริ่มแล้ว).. ภาพเป็นระยะใกล้มากแทบทั้งเรื่อง และที่สำคัญกว่า(ตอนนี้ยังคิดไม่ออกว่ามีกว่านี้อีกมั้ย)คือเป็นหนังที่รู้สึกว่า...การสะอึกมันน่ารักดีแฮะ แถมเพลงตอนขึ้นเครดิตก็จุดประกายมนต์เสน่ห์เพลงพื้นเมืองของชาวฮังกาเรียนให้กับเราเสียด้วย
ภาพสวย.
คนก็งาม. โดยเฉพาะคุณลุงที่ดูเหมือนยิ้มตลอดเวลาโดยการรังสรรค์จากริ้วรอยบนใบหน้า.
มันอาจไม่ใช่หนังที่จะโดนใจใครง่ายๆ หรอกนะ คือ...บางความคิดอาจมองว่ามันน่าเบื่อด้วยซ้ำไป
แต่
ไม่รู้สิ..ลางเนื้อชอบลางยา
ชั้นก็ชอบแบบเนี้ย

สงสัยอยู่ว่าถ้าได้ดูหนังเรื่องนี้แบบเป็นแผ่น จะรู้สึกได้ใจแบบนี้มั้ย??

- เพลง เพื่อนเท่านั้น ของแอนนา ลอยมา (อย่ามา .. ไม่โป๊เหมือนคลิปนั่นหรอก โห ตอนเป็น teen 8 grade a แอนนายังดูinnocentจะตาย...มั้ง) เราก็คิดขึ้นมาว่าเพลงนี้ให้ทัศนคติเหมือนเป็นเพื่อนมันไม่มีค่าอะไรเลยงั้นแหละ เหมือนเป้าหมายคือต้องเป็นแฟนเท่านั้น ถ้าไม่ได้ จะให้เป็นอย่างอื่นแทนก็ไม่เอา... เฮ้อ ถ้ามอง friendship แบบ personification ก็น่าน้อยใจแทนนะเนี่ย ความเป็นเพื่อนไม่มีค่าพอในสายตาเลยเหรอ
แต่ อาจจะเป็นว่าพอเราเริ่มคบแล้วมีการคาดการณ์/คาดหวังไปในทางกุ๊กกิ๊กนั่นแล้ว เป็นไปได้มั้ยว่า มัน u-turn มาหาความเป็นเพื่อนไม่ได้ อันนี้ก็ไม่ทราบนะฮะ ถึงเราจะคิดว่าเป็นเพื่อนกันได้แหละ เสียดายออก คนดีๆ รู้ใจกันมาก็หลายอย่าง จะคบแบบแคบๆ อยู่แค่แฟนจ๋าแฟนจ๋ามันก็เสียของอยู่(..ไม่มีเจตนามองเป็นสินค้านะ แค่ความเปรียบ) แต่ เอาเข้าจริงๆ เราอาจจะทนไม่ได้ ร้องไห้ฟูมฟาย ตะกายขอบเตียง เฟี้ยงข้าวของ และอีกสารพัด...ก็ได้นะ

- เป็นวันที่ 'บังเอิญ' มาถามไถ่จนน่าเอะใจ เพิ่งเข้าใจวันนี้ว่า การไปดูนิทรรศการที่ tcdc จะได้ 'เจอคนที่ไม่คิดจริงจริ๊งว่าจะเจอ' เป็นของแถม เจอวิปทียู ซึ่งจริงๆเดี๋ยวก็น่าจะได้เจอกันพรุ่งนี้อยู่แล้วยังไม่เท่าไหร่ แต่อีกคนนี่ประหลาดใจมาก เจอ 'หยก' เฉยเลย ไม่ได้หมายความว่าพอเจอแล้วรู้สึกเฉยไปเลยนะ แต่หมายความว่าอยู่เฉยๆเธอก็เข้ามา :]
เท้าความสั้นๆ หยกเป็นเพื่อนผึ้ง ผึ้งเป็นเพื่อนเราสมัยมอปลาย เป็นเพื่อนที่จัดอยู่ในประเภทสนิทกันแต่น้อยและพอเข้ามหาลัยต่างคนก็ต่างลืมความสนิทนั้นไว้ที่โรงเรียน อาจจะอยู่ตามลิ้นชัก..บนโต๊ะเรียน โรงอาหาร โต๊ะม้าหินอ่อน..ที่ไหนซักแห่ง เพราะฉะนั้นเราเลยไม่มีสนิท(ที่น้อยๆนั้น)เสียแล้วหลายปี อ้อ ที่ที่เรารู้จักหยกจากการแนะนำของผึ้งก็ที่โรงเรียนทางเหนือนี้แหละแต่ไอ้ที่ที่มาเจอหยกกลับเป็นที่สะดือของไทยนี่สิ ถ้าเจอกันกาดสวนแก้วก็เอ้ออ้าอยู่ แต่นี่มาเจอในที่...ดีไซน์สไตล์จ๋าแบบนี้ ก็อึ้งกิมกี่พลันถามไปว่า 'อ้าว หยกมาเรียนกรุงเทพเหรอ''อื้ม เราเรียนถาปัดเกษตร'(หา เป็นคณะท้ายๆที่เราคิดว่าหยกมาเรียนนะนี่)'เ ห ร อ''เราเลือกคณะนี้แต่แรกแล้ว'(อ๋อ เข้าใจที่มาของสาเหตุที่ต้องมาพบกันที่นี่แล้วแหละ)
อินเตอร์เนตก็ว่าทำให้โลกแคบแล้วนะ
แต่ไอ้อะไรไม่รู้ที่เป็นชนวนให้เจอคนนู้นคนนี้แบบนี้นี่สิ เป็นโลกแคบที่น่าทึ่ง!

(ทิ้งไว้ตรงท้าย - ว่างเปล่าไปกับพิราบsเบญ)

Comments: Post a Comment



<< Home

Archives

November 2005   December 2005   January 2006   February 2006   May 2006   June 2006   July 2006   August 2006   October 2006   November 2006   December 2006   January 2007   April 2007   May 2007   June 2007   July 2007   August 2007   September 2007   October 2007   November 2007   December 2007   January 2008   February 2008   January 2009   March 2009   April 2009   July 2009   August 2009  

This page is powered by Blogger. Isn't yours?