pear personal sphere

to close too see.

Friday, January 05, 2007

 
ห้องสมุดแสนรัก

เธอจ๊ะ เธอเป็นหนอนหรือเปล่า
ใช่แล้ว เธอไม่ได้หูฝาดหรอก ฉันหมายถึงหนอนหนังสือไงล่ะ เพราะว่าถ้าเธอเป็นหนอนหนังสือล่ะก็ เธอคงสนใจเรื่องที่ฉันกำลังจะเล่าเป็นแน่แท้ ฉันเองพอจะนับได้ว่าเป็นหนอนหนังสือคนหนึ่ง แต่ไม่ได้เป็นหนอนเพราะ "อ่านหนังสือ" เป็นชีวิตจิตใจอย่างที่หนอนภาคปกติเป็นกันนะ ฉันเป็นหนอนภาคพิเศษเพราะฉันชอบ "บรรยากาศ" ของหนังสือด้วยน่ะ หนอนประหลาดอย่างฉันอยากแบ่งปันความรู้สึกให้หนอนปกติรับรู้เผื่อว่าเธอจะสนใจกลายร่างเป็นหนอนภาคพิเศษดูบ้าง
สถานที่ที่ปลุกเร้าให้ฉันหลงใหลในบรรยากาศของหนังสืออย่างจริงจังขึ้นมาคือ ศูนย์สารนิเทศมนุษยศาสตร์ ตั้งอยู่ที่อาคารมหาวชิราวุธ(ตึกอักษรศาสตร์ ๒) คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ชื่อของที่นี่ไม่ได้ช่วยปลุกความสนใจของฉันเลยในตอนแรก มันออกจะวิชาการและจืดชืดเมื่อเทียบกับ "TK park" หรือ "TCDC" แต่เธอเคยอยากกินกุยช่ายตลาดพลู ขนมปังวังหลัง หรือทองม้วนสดที่ตลาดดอนหวายไหม ถึงเธอจะต้องนั่งรถตั้งหลายตื่นกว่าจะถึงเธอก็ดั้นด้นไปด้วยความอร่อยของอาหารส่งกลิ่นมาตามกระแสจิต ศูนย์สารนิเทศแห่งนี้ก็เช่นกัน เขาซ่อนความไม่ธรรมดาไว้ข้างหลังชื่อนั่น
ศูนย์สารนิเทศมนุษยศาสตร์แรกเริ่มนั้นเป็นเพียงห้องสมุดก่อน อาจารย์สุปริญา ลุลิตานนท์ หัว-หน้าศูนย์สารนิเทศคนปัจจุบันเคยเกริ่นให้ฟังว่า สมัยก่อน คณะอักษรศาสตร์ใช้อาคารมหาวชิราวุธเป็นห้องเรียน (ตึกบรมราชกุมารีที่หนอนอย่างเราๆ คุ้นเคยกันยังไม่เกิดหรอกนะจ๊ะตอนนั้น) ชั้นล่างใช้เป็นห้องเรียนวิชาภาษาฝรั่งเศส จะมีแผงกั้นแบ่งพื้นที่ให้เป็นห้องๆ แล้วต่างก็เรียนกันไป ส่วนห้องสมุดนั้นตั้งอยู่บนชั้นสองของตึกเท่านั้น ชั้นสามในตอนนั้นปิดร้างว่างเปล่า ภายหลังฉันได้พูดคุยกับอาจารย์นิรอฮานี จันทสังข์ซึ่งรับผิดชอบฝ่ายบริการอยู่จึงได้ทราบว่าตัวห้องสมุดแบ่งเป็นสองฝั่ง ฝั่งตะวันตกเป็นหนังสือนวนิยายและแผนกซ่อมหนังสือ ส่วนฝั่งตะวันออกเป็นหนังสือภาษาไทยและเป็นที่ตั้งสำนักงานห้องสมุดไปในตัวด้วย ที่สำคัญคือเวลาที่นิสิตจะค้นหาหนังสือต้องค้นจากบัตรรายการซึ่งกลายเป็นของแปลกหน้าสำหรับนิสิตยุค wireless (สัญญาณที่ให้บริการอินเตอร์เนต) ไปเสียแล้ว
นานวันเข้าปริมาณหนังสือก็อ้วนขึ้นอ้วนขึ้นด้วยความรู้ซึ่งเข้ามาใหม่อยู่ทุกวันจนห้องสมุดที่มีเพียงชั้นสองของตึกอย่างเดียวชักแขม่วท้องไม่ไหว ราวปี 2540 ห้องสมุดจึงตัดสินใจปิดปรับปรุงชั่วคราว (เป็นชั่วคราวขนาดยาว) เพื่อตกแต่งพัฒนาชั้นหนึ่งและชั้นสามของตึกให้เป็นห้องสมุดด้วย ระหว่างนี้ห้องสมุดคณะอักษรศาสตร์ต้องย้ายฐานไปประจำอยู่ที่ศูนย์วิทยบริการหรือที่เราเรียกกันติดปากว่า "หอ กลาง" บนชั้นสามที่เป็นแผนกบริการสารนิเทศของหอกลางอยู่แล้ว แต่เขาใช้แต่พื้นที่ฝั่งซ้ายจึงมีที่ว่างฝั่งขวาให้ห้องสมุดอักษรได้หายใจไปพลางๆ ส่วนหนังสือมหาศาลของห้องสมุดนั้นไม่สามารถอัดอยู่ในพื้นที่ที่หอกลางจัดให้ได้ คณะบรรณารักษ์จึงต้องระดมพลคัดเลือกหนังสือไปเพียงบางส่วนโดยใช้เกณฑ์ความนิยมในการยืมของผู้ใช้บริการ หนังสือที่เข้ารอบจะมีแถบสีส้มแปะสันหนังสือ ส่วนที่ตกรอบจะแปะแถบสีเขียวและจัดลงกล่องเรียงตามเลขหมู่ฝากไว้ที่ห้องสมุดคณะวิศวกรรมบ้าง ที่อื่นๆ บ้างแล้วแต่จะมีสถานที่เอื้ออำนวย สามสี่ปีผ่านไปห้องสมุดคณะอักษรศาสตร์ได้คืนสู่เหย้าอีกครั้งในรูปโฉมใหม่ใหญ่และทันสมัยกว่าเดิมพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อใหม่ด้วยเป็น "ศูนย์สารนิเทศมนุษยศาสตร์"
ที่ห้องสมุดเปลี่ยนชื่อนี้มิใช่เพื่อสลัดจากภาพลักษณ์เดิมหรือให้เแปลกเก๋สะดุดหูนิสิตอย่างนั้นเอง แต่เพราะห้องสมุดไม่ได้มีแต่หนังสืออีกต่อไป บริการด้านสื่อโสตทัศน์ซึ่งเดิมคือศูนย์เรียนรู้ที่ให้บริการบนตึกสี่ของคณะถูกผนวกเข้ามาสังกัดห้องสมุดด้วยโดยตั้งอยู่บนชั้นสามฝั่งตะวันตกและมีชื่อว่า "ศูนย์เรียนรู้ด้วยตัวเอง" มีเทปให้ฟัง มีวีดีโอให้ดู อยากเรียนรู้ด้วยหูหรือตาก็เลือกตามแต่สนใจ และสื่อที่ที่นี่บริการมิได้มีแต่เพียงเรื่องราวเชิงวิชาการเท่านั้น ภาพยนตร์น่าสนใจและบันเทิงใจหลายเรื่องรอเราไปหยิบดูด้วยเช่นกัน อย่างเพื่อนของฉันคนหนึ่งที่คงไปสะดุดเสน่ห์บางอย่างใน "Titanic" เข้าอย่างจัง เขาไปนั่งดูหนังเรื่องนี้ที่ศูนย์เรียนรู้สักหกรอบได้ ...หากทางศูนย์รู้เข้าคงถึงบางอ้อว่านิสิตอักษรศาสตร์มีความตั้งใจเรียนรู้แบบนี้นี่เอง ที่จริงแล้วฉันเองก็ไปอุดหนุนหนังที่ศูนย์หลายครั้งแต่ไม่ได้ดูจำเจอยู่แค่เรื่องใดเรื่องหนึ่งแบบเพื่อนของฉันเท่านั้นเอง
ห้องสมุดมาดใหม่นี้ติดแอร์และมีบริการค้นหาหนังสือผ่านระบบอินเตอร์เน็ตสร้างความสะดวกสบายให้ผู้ใช้อีกโข ใครที่เคยไปห้องสมุดนี้จะเห็นว่าติดแอร์เพียงชั้นสามเท่านั้น ยามที่อากาศอบอ้าวชั้นสามจะคึกคักเป็นพิเศษด้วยนิสิตพากันมาหลบความร้อนอ่านหนังสือกันเหมือนคนที่หลบร้อนไปซื้อของในห้างเลยแต่สำหรับกรณีหลบเข้ามาห้องสมุดติดแอร์นี่ถือเป็นข้อดีไปโดยปริยาย สาเหตุที่ไม่ได้ติดแอร์ชั้นสองด้วยนั้นเพราะชั้นสองมีประตูหน้าต่างพร้อมระบายอากาศรอบทิศทางอยู่แล้ว แต่ชั้นสามเป็นห้องใต้หลังคาของตึกค่อนข้างอับทึบจึงต้องติดแอร์ แอร์ที่นี่ขยันทำงานเป็นพิเศษ ไม่ว่าผู้ใช้จะร้อนแค่ไหนหากเข้ามาในห้องนี้นานๆ จะหนาวสั่นทุกรายไป นี่อาจเป็นวิธี "ผลัก" ผู้ใช้ให้ออกไปนั่งห้องแอร์ธรรมชาติเพื่อให้ผู้ใช้ที่ร้อนคนอื่นได้เข้ามาขอไอเย็นบ้างก็ได้ (ฉันคิดเล่นๆ)
นอกจากสถานที่จะสะดวกสบายกว้างขวางขึ้นแล้ว โครงการหนังสือต่างๆ ของห้องสมุดเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่น่าสนใจว่ามีที่มาอย่างไร หลายคนคงเคยหาหนังสือแล้วเจอบางเล่มที่จั่วหัวว่า "โครงการหนังสือกำจัดเชื้อรา" หรือ "โครงการหนังสือนี้พี่ให้น้อง" อาจารย์นิรอฮานีอธิบายที่มาว่าทางห้องสมุดกำหนดโครงการต่างๆ ขึ้นเพื่อหางบประมาณซื้อหนังสือเพิ่ม เพราะเดิมห้องสมุดได้งบมาเพียงเล็กน้อยไม่สามารถซื้อหนังสือได้ครบตามต้องการ อย่างโครงการหนังสือกำจัดเชื้อรานั้นเกิดขึ้นเพราะหนังสือโดนความชึ้นจากน้ำยาแอร์รั่วบ้างจากการเก็บไว้ชั้นใต้ดินบ้างจึงต้องจัดซื้อเล่มใหม่ทดแทนเพราะหนังสือนั้นยังเป็นที่ต้องการของผู้ใช้อยู่ ส่วนโครงการหนังสือนี้พี่ให้น้องเป็นโครงการที่ให้นิสิตมีส่วนร่ามในการเสนอหนังสือสิ่งพิมพ์ชนิดใดก็ตามที่เห็นว่าน่าสนใจและอยากให้ห้องสมุดนำเข้ามา ขั้นตอนก็ง่ายเพียงกรอกแบบฟอร์มเสนอหนังสือแล้วส่งให้บรรณารักษ์ เมื่อห้องสมุดซื้อหนังสือที่เราเสนอไปมาแล้วจะติดชื่อโครงการที่หน้าปกให้รู้ว่าหนังสือเล่มนี้มีให้บริการได้เพราะการเสนอของเราเอง
ยังมีโครงการพิเศษอื่นๆ อีก เช่น โครงการหนังสือหายากซึ่งเป็นโครงการที่ฉันคิดว่าห้องสมุดคณะอักษรศาสตร์ดูจะเหมาะที่สุดในการปฏิบัติภารกิจนี้ เพราะโครงการนี้จะรวบรวมหนังสือเก่าอนุรักษ์หนังสือโบราณที่หาชมได้ยากมีคุณค่าในการรักษาไว้เป็นมรดกให้คนรุ่นหลังชม บางเล่มอาจหาซื้อไม่ได้แล้วในอนาคต เช่น ตำราพงศาวดาร หนังสือเรียนเก่า หนังสือบุดดำ (ลักษณะคล้ายใบลานใช้ชอล์คเขียน ลองเทียบกับคัมภีร์ใบลานตามวัดต่างๆ อาจช่วยให้นึกภาพออก) หนังสือเหล่านี้หากไม่มีโครงการยื่นมือมาช่วยเก็บถนอมไว้คงสูญหายไปตามกาล หากใครสนใจสามารถติดต่อบรรณารักษ์ให้หยิบให้ดูได้แต่อาจจะถ่ายสำเนาไม่ได้เพาะบางเล่มเก่ามากขนาดแค่จับยังต้องระมัดระวัง ในเมื่อเรามีโอกาสสัมผัสของมีค่าเช่นนี้ก็ควรยืดโอกาสอันดีให้ยาวไปถึงรุ่นน้องต่อไปโดยใช้หนังสืออย่างทะนุถนอม อันที่จริงไม่เพียงแต่หนังสือเก่าเท่านั้นหนังสือเล่มไหนๆ ต่างมีค่าไม่น้อยกว่ากัน การใช้หนังสืออย่างถูกสุขลักษณะย่อมสร้างสุขให้ทั้งหนังสือและผู้อ่าน
เท่าที่ฉันเล่าความเป็นมาของศูนย์สารนิเทศแห่งนี้อย่างคร่าวๆ และเจาะลึกโครงการหลายอันที่ปกติเราเห็นกันแต่ชื่อบนปกหนังสือคงพอช่วยให้เพื่อนๆ มองเห็นรากที่ประคับประคองให้ห้องสมุดดำรงอยู่ถึงทุกวันนี้ หลายคนพร่ำพูดถึงสถานที่อันมีเอกลักษณ์สวยงามไม่เหมือนที่ไหนของตึกแห่งนี้ว่าเป็นเสน่ห์ของห้องสมุดอักษร นั่นก็ส่วนหนึ่ง อีกหลายคนที่ฉันสอบถามต่างชอบความเงียบสงบเหมาะแก่การอ่านหนังสืออย่างมีสมาธิของที่นี่ ผู้คนที่ไม่พลุกพล่าน ลมโชยแผ่วแผ่ว หนังสือมากหน้าหลายตาเรียงกันอย่างเรียบร้อยบนชั้นไม้ให้ความรู้สึกขลังนิดๆ สิ่งเหล่านี้ประกอบกันเป็นบรรยากาศแห่งการอ่านที่ไม่อาจหาได้ที่ไหน ห้องสมุดบางแห่งพยายามจะแต่งหน้าแต่งตาตัวเองเพื่อประกาศว่าฉันคือห้องสมุดนะจ๊ะ มีหนังสือใหม่เช้งกระเด๊ะและแพงหูฉี่มากมาย ใส่เทคโนโลยีเข้าไปในทุกองค์ประกอบเท่าที่จะทำได้ ห้องสมุดอักษรไม่ได้ทำอย่างนั้น ขนาดการยืมหนังสือยังต้องกรอกชื่อยืมที่บัตรด้านหลังอยู่เลย แต่ฉันพบว่ามีหนังสือที่ถูกจริตฉันมากมาย มีมุมนั่งอ่านเป็นส่วนตัว ได้ยินเพียงเสียงรองเท้าก๊อกก๊อกเป็นจังหวะบอกว่ากำลังหาหนังสือนะ ทุกคนที่นี่มาอ่านหนังสือกันจริงๆ ไม่ได้ทำท่าอ่านบังหน้าแล้วคุยกันเป็นนกกระจอกพบญาติ ฉันพลางคิดว่าห้องสมุดไม่จำเป็นต้องย้ำข้อห้ามก็ได้เพราะมารยาทพื้นฐานของการใช้ห้องสมุดน่าจะเหมือนกันทุกที่ หากผู้ใช้มีมารยาทอย่างสม่ำเสมอบรรยากาศของหนังสือก็เกิดและบรรยากาศเช่นนี้จะปรามผู้ใช้ "วิปริต" ไปเอง
หากจะถามว่าเสน่ห์ของห้องสมุดคณะอักษรศาสตร์อยู่ตรงไหน ฉันขอแนะนำให้คอหนอนทุกคนเข้าไปสัมผัสด้วยตนเอง ห้องสมุดเองไม่ได้มีเสน่ห์แต่เราเป็นผู้สร้างเสน่ห์ให้ห้องสมุดต่างหากเพราะเราเป็นฝ่ายรู้สึกถึงเสน่ห์นี้แล้วส่งความรู้สึกออกไป เสน่ห์จึงเป็นเรื่องส่วนบุคคล นอกจากนี้ห้องสมุดนั้นสร้างมาเพื่อจุดประสงค์ของการใช้มิใช่การชมดังนั้นห้องสมุดแม้จะมีสถาปัตยกรรมงดงามแค่ไหนแต่ถ้าร้างผู้คนห้องสมุดก็เหงาและขาดเสน่ห์ เราทุกคนสามารถเติมเต็มเสน่ห์ของห้องสมุดได้และฉันหวังว่าห้องสมุดคณะอักษรศาสตร์นี้จะเป็นห้องสมุดแสนรักของใครอีกหลายคน

Comments: Post a Comment



<< Home

Archives

November 2005   December 2005   January 2006   February 2006   May 2006   June 2006   July 2006   August 2006   October 2006   November 2006   December 2006   January 2007   April 2007   May 2007   June 2007   July 2007   August 2007   September 2007   October 2007   November 2007   December 2007   January 2008   February 2008   January 2009   March 2009   April 2009   July 2009   August 2009  

This page is powered by Blogger. Isn't yours?